เต่ากระพร้อมฉลามวาฬโผล่ทักทายนักประดำน้ำเกาะทะลุ

เต่ากระพร้อมฉลามวาฬโผล่ทักทายนักประดำน้ำเกาะทะลุ

ทีมดำน้ำลึก (scuba diving) นำโดยนายสัญญา ศรีมาลา หรือครูบอย ครูสอนดำน้ำ (dive master) อายุ 49 ปี พร้อมลูกศิษย์ พบเต่ากระขนาดใหญ่ ขณะดำน้ำลึกประมาณ 8-9 เมตรอยู่บริเวณด้านหน้าอ่าวมุก ของเกาะทะลุไฮแลนด์รีสอร์ต จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยเต่ากระตัวดังกล่าวว่ายหาอาหารอยู่ในบริเวณแนวปะการังลูกถ้วยฉนวนไฟฟ้า แหล่งทดลองการปลูกปะการัง

นอกจากนี้ ทีมดำน้ำยังได้ตื่นตาตื่นใจกับสัตว์ทะเลหายากอื่นๆ อีก

เช่น ฉลามวาฬ ทากปุ่ม ปลาปักเป้า หมึกกระดอง เป็นต้น ซึ่งถือเป็นตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของทะเลแถบนี้ได้เป็นอย่างดี นายสัญญา กล่าวว่าเขาได้บันทึกภาพเต่ากระไว้เพื่อเป็นข้อมูลให้กับมูลนิธิฟื้นฟูทรัพยากรทะเลสยาม และเผยว่านอกจากคลาสเรียนดำน้ำแล้ว นักเรียนทุกรุ่นจะได้ร่วมกิจกรรมการดูแปลงอนุบาลปะการังในท่อพีวีซี รวมทั้งได้รับข้อมูลเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลในบริเวณเกาะทะลุอีกด้วย

นอกจากนี้ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด เกาะทะลุไฮแลนด์รีสอร์ท และเลขามูลนิธิฟื้นฟูทรัพยากรทะเลสยาม นายเผ่าพิพัธ เจริญพักตร์ เสริมว่าในช่วงเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้เป็นต้นไป จะเข้าสู่ฤดูวางไข่ของเต่ากระในบริเวณดังกล่าวและทุกปีจะมีแม่เต่ามาวางไข่อย่างต่ำ 1,000 ฟอง ซึ่งเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิฯและพนักงานรีสอร์ตก็ได้ช่วยกันปกป้องดูแลไข่ โดยย้ายไข่มาไว้ในหลุมที่ปลอดภัยจนกระทั่งฟักและสามารถนำมาเลี้ยงไว้ในบ่ออนุบาลได้ แต่ละปีจะมีลูกเต่ากระที่มีสุขภาพแข็งแรงกลับคืนสู่ท้องทะเลเฉลี่ยปีละกว่า 500 – 1,000 ตัว

พาปู่ไปหาหมอ พลทหารหลับในรถเสียหลักพลิกคว่ำ ปู่ดับก่อนถึงโรงบาล อุบัติเหตุรถกระบะพลิกคว่ำ บนถนนมลิวรรณ บริเวณบ้านร่องแซง หมู่ 3  ต.โนนหัน  อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ที่เกิดเหตุบริเวณข้างทางพบรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโว้ สีขาว อยู่ในสภาพด้านหน้าพังยับ นายสมศักดิ์ แซ่ล่อ อายุ 57 ปี ติดอยู่ในซากรถ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ห่างออกไปมีพลทหารบุญมา  แซ่ล่อ  อายุ 22 ปี คนขับ กระเด็นออกมานอกรถ อาการสาหัส ในส่วนท้ายกระบะยังพบนายหยางเซง แซ่ล่อ อายุ 70 ปี อยู่ในอาการสาหัส เจ้าหน้าที่เร่งนำตัวส่งดรงพยาบาล แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา

สอบถามเบื้องต้นทราบว่ารถกันดังกล่าว เคินทางมาจากจังหวัดเลย เพื่อนำตัวนายหยางเซง ไปโรงพยสบสลขอนแก่น แต่พอถึงจัดเกิดเหตุคาดว่าหลานชายซึ่งเป็นคนขับเกิดอาการหลับใน จนทำให้รำเสียหลักและเกิดพลิกคว่ำดังกล่าว

จับเทรนเนอร์ล่อลวงสาวในฟิตเนสข่มขืน พบคดีอื้อ แต่เจ้าตัวปฏิเสธ เทรนเนอร์ข่มขืนสาว – วันที่ 30 เม.ย. ตำรวจกองปราบปรามจับกุม นายเกียรติศักดิ์ มากศรี อายุ 21 ปี เทรนเนอร์ฟิตเนส ที่บ้านพักในอำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี จากพฤติการณ์ตีสนิทหญิงที่มาใช้บริการฟิตเนส ก่อนนัดหญิงสาวตามไปพบที่ห้องพักแล้วข่มขืน ปรากฏถึง 3 คดีในพื้นที่จ.สุราษฎร์ธานี ตั้งแต่ปี 2559-2561 และล่าสุดที่ปทุมธานีอีก 1 คดี โดยเหยื่อรู้จักกับนายเกียรติศักดิ์ ตั้งแต่อยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ก่อนที่นายเกียรติศักดิ์ได้ตามมาข่มขืนถึงห้องพักที่ปทุมธานี แล้วหลบหนีไป

เบื้องต้นนายเกียรติศักดิ์ ยังให้การปฏิเสธ อ้างว่ากระทำจริงแต่ช่วงเวลาดังกล่าวได้เป็นแฟนกับผู้เสียหาย แต่หลังจากเลิกกัน ผู้เสียหายได้ไปแจ้งความ เบื้องต้นตำรวจได้คุมตัว นายเกียรติศักดิ์ ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผัวหอบลูกหาเมียจากโคราช ทำพ่อตาใหม่ยกเลิกพิธีผูกข้อมือ ไปเคลียร์กับสามีเก่าให้เรียบร้อยก่อน

 จากกรณีที่เพจเฟซบุ๊ก “กู้ภัยสว่างคุณธรรม(Sawangkunnatum)” โพสต์เรื่องราวชายขับรถอีแต๋นพาลูกจากจังหวัดนครราชสีมาจะไปจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อตามหาภรรยาที่อ้างว่าหนีตามชายชู้ไปยู่อำเภอสันป่าตอง จ.เชียงใหม่ โดยพิมพ์ไวนิลติดป้ายข้างรถขนาดใหญ่สร้างความสะดุดตาแก่ผู้พบเห็น

ด้านนายทวี อายุ 64 ปี บิดาของฝ่ายชายที่ถูกระบุว่าลูกของตัวเองเป็นชู้ เปิดเผยว่า ทราบเรื่องแล้ว ลูกชายของตัวเองเพิ่งพาผู้หญิงคนหนึ่งมาอยู่ด้วยที่บ้านเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนไม่ทราบรายละเอียดของผู้หญิงคนนี้เลย ทราบแต่เพียงว่าเคยมีสามีมาก่อน และมีลูกด้วยกัน 2 คน แต่เลิกรากันไปแล้วประมาณเดือนกว่า และรู้จักกับลูกชายผ่านทางโซเชียลมีเดีย จนกระทั่งตกลงคบหารับมาอยู่กินด้วยกันที่บ้าน ซึ่งตัวเองไม่ได้ขัดข้องใดๆ เกี่ยวกับเรื่องราวที่ผ่านมาในอดีต ขอเพียงให้เป็นคนดีเท่านั้นพอ

 ตอนแรก เมื่อลูกชายรับผู้หญิงคนนี้มาอยู่ด้วย ตั้งใจจะจัดพิธีผูกข้อไม้ข้อมือให้ถูกต้องตามประเพณี แต่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น ตอนนี้คงจะต้องล้มเลิกไปก่อน อยากให้ผู้หญิงกลับไปตกลงสามีให้เรียบร้อยเสียก่อนว่าจะเอาอย่างไรกัน และอยากฝากบอกไปถึงสามีของผู้หญิงคนนี้ว่า ให้กลับไปคุยกันเองที่จังหวัดนครราชสีมา เพราะที่บ้านของตัวเองไม่พร้อมที่จะต้อนรับ

นายเชิดชัย กล่าวต่อว่า ที่ดินแปลง น.ส.3 ก.เลขที่ 1863 หมู่ 2 ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 17 ไร่เศษ มีการขอออก น.ส.3 ก.มาตั้งแต่ปี 2536 โดยเจ้าของที่ดินจำนวน 5 คน แต่ทางสำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตไม่สามารถออก น.ส.3 ก.ให้ได้ในขณะนั้น เนื่องจากการแปลภาพถ่ายทางอากาศ ปรากฎว่าที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าไม่ผัดใบ ไม่พบร่องรอยการทำประโยชน์ และมีการครอบครองที่ดินภายหลังจากวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินบังคับใช้ แต่ทางผู้ครอบครองที่ดินได้มีการยื่นขอออก น.ส.3 ก.อีก ซึ่งทางที่ดินจังหวัดภูเก็ต ได้ออก น.ส.3 ก.ให้เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2555 ให้กับนายสุชาติ รักสงบ และในวันที่ 18 เมษายน 2555 นายสุชาติได้ขายที่ดินต่อให้กับนายบุญชู และในวันที่ 19 เมษายน 2555 ก็ขายต่อให้พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ กับ นายทรงชัย อัจฉริยะหิรัญชัย ก่อนที่ทางบริษัท กะตะบีช ได้ยื่นขออนุญาตก่อสร้างคอนโดมิเนียมหรู เดอะ พีค เรสซิเด้นท์ มูลค่ากว่า 2,500 ล้านบาท ที่กำลังก่อสร้างอยู่ในขณะนี้ และถูกชาวบ้านและผู้ประกอบการโรงแรม ร้านค้า หาดกะตะน้อย ออกมาคัดค้าน